ปักกิ่ง
การเดินทางไปเรียนที่ปักกิ่งของฉัน มีสิ่งดีดีให้ฉันได้พบเจอมากมาย อย่างแรกที่ฉันได้ คือ ภาษาจีนซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันต้องการเรียนรู้ เวลา 4 เดือนครึ่ง ทำให้ฉันสามารถพูดคุยกับเพื่อนคนจีนได้อย่างไม่มีปัญหา จากเดิมที่ฉันไม่สามารถพูดภาษาจีนได้เลย ทำให้ตอนเดินทางฉันต้องพกพ๊อกเก็ตบุ๊กการสนทนาภาษาจีนกลางขึ้นเครื่องไปด้วยและนั่งท่อง คำว่า จี(แปลว่า ไก่) กะ หยู(แปลว่า ปลา) ไปด้วยเผื่อไว้ตอบแอร์ฮอสเตสแวลาที่เขาเสิร์ฟอาหารบนเครื่อง ปรากฎว่าพอถึงเวลาจริงแอร์ฯไม่ถามคำถามที่เราเตรียมคำตอบมาแฮะ..เอ๊ะทำไงหล่ะที่นี้ มั่วเลยดีกว่า และแล้วด่านแรกก็ผ่านไป พอเดินทางถึงสนามบินปักกิ่งฉันก็ได้เจอกับน้อยซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของ AEC น้อยเป็นหนุ่มลาว อายุรุ่นราวคราวเดียวกับฉัน อัธยาศัยดี ทำให้เรากลายเป็นเพื่อนกันในเวลาอันรวดเร็ว น้อยจะคอยเป็นธุระให้นักเรียนจาก AEC ทุกคน ทำให้ชีวิตช่วงแรกๆของฉันไม่วุ่นวายนัก
เมื่อพูดถึงปักกิ่งคงไม่มีใครปฏิเสธว่าเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน สำหรับฉันก็คงเหมือนกับหลายคนที่คิดว่าปักกิ่งเป็นเมืองที่มีเสน่ห์และน่าสนใจทั้งการดำเนินชีวิตของผู้คนและสถานที่ท่องเที่ยว จะว่าไปแล้วปักกิ่งก็คล้ายๆกับกรุงเทพฯบ้านเรา มีชั่วโมงเร่งด่วนในตอนเช้าและตอนเย็น มีคนจากต่างเมืองมุ่งหน้าเข้าสู่ปักกิ่งเพื่อเรียนและทำางาน ทำให้ปฏิเสธไม่ได้อีกว่าต้องมีทั้งคนดีและคนไม่ดีแต่เมื่อเทียบกับเมืองอื่นๆ ฉันว่าที่ปักกิ่งน่าจะเป็นเมืองที่ปลอดภัยอันดับต้นๆของจีนเลยหล่ะ(แต่ยังไงก็ต้องระวังไว้ให้มากนะคะ) คนที่นี่มีความภูมิใจในความเป็นคนปักกิ่งค่อนข้างสูงและส่วนใหญ่มีน้ำใจ ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของปักกิ่งก็คือไม่มีภาษาท้องถิ่น ทุกคนพูดจีนกลางรวมทั้งคนต่างเมืองที่ไม่ว่าจะเข้ามาเรียนหรือทำงานจะให้ภาษาจีนกลางในการพูดคุย สำหรับทุกที่ในปักกิ่งแล้วสามารถเป็นห้องเรียนวิชาฟังได้ทุกที่
ด้านการเรียนการสอนในห้องเรียนของมหาวิทยาลัยที่ฉันเรียน อยู่ในระดับที่ฉันพอใจ เรียนวันจันทร์ถึงวันศุกร์ ตั้งแต่ 8 โมงถึงเที่ยง ห้องเรียนของฉันมีนักเรียนประมาณ 20 คน จากประเทศต่างๆ เช่น ตุรกี นอร์เวย์ รัสเซีย เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย เซเนกัล ซาอุดิอาระเบีย และคาซัสสถาน ส่วนช่วงบ่ายหรือวันหยุดที่พอมีเวลาว่างฉันกับเพื่อนๆก็จะออกไปเดินซื้อของ ไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ เพราะฉันรู้ว่าการเรียนภาษาให้ดีต้องฝึกพูดให้มาก ยิ่งคนรอบข้างฉันเป็นเจ้าของภาษาแล้วด้วย ฉันจึงจะฝึกพูดทุกครั้งที่มีโอกาส บางคนอาจคิดว่าการเรียนเพียงครึ่งวันเช้าทำให้มีเวลาเหลือในช่วงบ่ายมากเกินไปแต่สำหรับฉันคิดว่าการที่มีเวลาว่างช่วงบ่ายทำให้เรามีโอกาสใช้สิ่งที่เราเรียนในห้องเรียนมาปรับใช้กับสถานการณ์จริงและยังมีเวลาทบทวนบทเรียนและเตรียมบทเรียนสำหรับวันถัดไปอีกด้วย นอกจากนี้มหาวิทยาลัยที่ฉันเรียนอยู่ยังมีกิจกรรมให้กับนักเรียนอยู่เสมอ เช่น การพานักเรียนไปเที่ยวนอกสถานที่ในวันหยุด การนำนักเรียนไปร่วมกิจกรรมกับทางหน่วยงานราชการของจีน การจัดแข่งขันกีฬาระหว่างนักเรียนต่างชาติกับนักเรียนจีน การจัดการสอนไท่จี๊ฉวนให้กับนักเรียนที่สนใจ ทำให้เวลาในวันหนึ่งๆของฉันหมดไปอย่างรวดเร็ว
นอกจากภาษาจีนที่ฉันได้เพิ่มมากขึ้นจากวันแรกแล้วฉันยังได้รู้จักกับมิตรภาพที่ดีอีกด้วย ทั้งจากคุณครูและเพื่อนๆ คุณครูของฉันเอาใจใส่นักเรียนทุกคนจนบางครั้งฉันคิดว่าฉันกลับไปเรียนในโรงเรียนมัธยมอีกครั้ง ส่วนเพื่อนๆที่ถึงแม้จะมาจากต่างชาติ ต่างวัฒนธรรมแต่เราก็สามารถเป็นเพื่อนกันได้เป็นอย่างดี รวมทั้งพื่อนคนจีนที่จะคอยสอนภาษาจีนให้กับฉันอีกด้วย ถึงแม้ทุกวันนี้จีนจะเปลี่ยนแปลงไปมากทั้งด้านสังคมและวัฒนธรรมที่แตกต่างจากคนจีนโพ้นทะเลแต่ที่นั่นก็ยังมีอีกหลายๆสิ่งที่น่าค้นหาและฉันก็ยังต้องการที่จะใช้ชีวิตในปักกิ่งให้ผ่านไปได้ในทุกๆด่านอีกด้วย