ReadyPlanet.com
dot
ค้นหาบทความ

dot
bulletระดับมัธยม
bulletBeijing Jiaotong University
dot
มหาวิทยาลัยในไต้หวัน
dot
dot
เมืองไทเป
dot
bulletNational Zhengzhi University
bulletNational Taiwan Normal University
bulletNational Taiwan Normal University
dot
เมืองไถจง
dot
bulletFengchia University
dot
ประวัติศาสตร์จีนน่ารู้
dot
bulletราชวงศ์ต่าง ๆ ฯ
bulletการเริ่มต้นการปกครองของชนเผ่าหฺวาซย่า
bulletระบบศักดินาในราชวงศ์โจวและศึกแย่งชิงอำนาจของเหล่าเจ้านครรัฐ
bulletมหาอาณาจักรฉิน : การก่อตัวและการล่มสลาย
bulletการขยายแสนยานุภาพของอาณาจักรฮั่นตะวันตก
bulletราชวงศ์ฮั่นตะวันออก : พระญาติวงศ์และขันทีครองเมือง
dot
ข่าวสาร Update
dot
bulletสถานศึกษาในประเทศจีนที่ ก.พ.รับรอง
dot
กวีนิพนธ์จีน
dot
bulletความหมายแห่งกวีนิพนธ์จีน
bulletห้วงคำนึงยามดึก หลี่ไป๋
bulletเจวี๋ยจวี้ ตู้ฝู่
bulletถอนต้นกล้า หลี่เซิน
dot
Neighbor's Links
dot
bulletสถานีวิทยุ ซีอาร์ไอ ปักกิ่ง ภาคภาษาไทย
bulletเรียนภาษาจีนออนไลน์
bulletข่าวสารและรอบรู้เมืองจีน
bulletประเทศจีน
bulletแผนที่แสดงมหาวิทยาลัยในเมืองจีน
bulletแผนที่เมืองจีนภาคภาษาไทย
bulletแผนที่และข้อมูลมณฑลกวางตุ้ง
bulletตรวจสอบสภาพอากาศเมืองจีน
dot
Newsletter : ติดต่อรับข่าวสาร

dot
bulletZhejiang university
bulletมหาวิทยาลัยที่แพทยสภาไทยให้การรับรอง
bulletขอแนะนำแผนกภาษาจีน มหาวิทยาลัย BLCU
bulletมหาวิทยาลัย
bulletนิทานสุภาษิตจีน
bulletsummer camp China Youth University for Political Sciences
bulletx2




:: จดหมายจากเพื่อนถึงเพื่อน ... (ต้าเหลียน) :: article

จดหมายจากเพื่อน...ถึงเพื่อน

          อือ.. ตอนนี้ถึงออสเตรเลียแล้วหล่ะ เมืองสงบมาก (ตั้งแต่ลงเครื่องบินอยู่มาสองวันเจอคนประมาณสิบคนในเมือง ผ่านๆด้วยนะ ไม่ได้คุยกัน ) ตอนนี้ยังไม่มีเน็ตหล่ะ ตอนกลับยังไม่คิดถึงเท่าไหร่หรอก แต่ว่าก็มีเหตุการณ์ให้คิดถึงทุกคนที่ต้าเหลียนเป็นระยะๆ ตอนบนเครื่องบินเค้าก็เปิดสารคดีทำโรงแรมน้ำแข็งของที่ไหนก็ไม่รู้ฟังไม่ออกให้ดู ก็นึกถึงเพื่อนๆที่จะไปฮาร์บินกัน แล้วก็มาเจอคนจีนที่อยู่หอเดียวกัน (เค้าชมด้วยแหละว่าภาษาจีนเราexpert แต่ได้คุยกัน 20 เองง่ะ) มาชวนตีแบดแล้วก็พูดแต่เรื่องจีนๆ ซื้อของก็เจอแต่ของจีน กับข้าวก็มีแต่แฮมเบอร์เกอร์ไฮโซก้อนละร้อยห้าสิบบาท (กัดหนึ่งคำ แล้วเก็บไว้กินต่ออีกสามวัน) ก็นึกถึงปลาพี่เบิร์ดทันที แล้วเพิ่งจะได้มาเปิดวีดีโอที่แพรอัดทุกคนให้หล่ะ น้ำตาไหลพราก T_T (ไม่ได้หิวเหมือนโฆษณาเอ็มเคนะ แต่ซึ้ง) อือ อยากจะบอกว่าร้องกันเพี้ยนนิดๆแต่ก็แอบดูดีมากๆ อือ แล้วไงจะเมล์มาหาทุกๆคนใหม่นะ อย่าลืมกันนะ อยากจะบอกว่า ตอนอยู่ก็เหมือนไม่ได้จะทรมานที่จะจากกัน แต่พอนึกถึงย้อนกลับไปสี่เดือนตอนยังไม่รู้จักกัน จนบัดนี้รู้จักกันทุกคน มันทำให้รู้สึกดีมากๆๆๆๆ อืม เริ่มเน่าแย้วอ่ะ จบแค่นี้ดีก่า.. คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึงคิดถึง คิดถึง…

 




 

        มีเวลาตั้งสี่เดือนจะทำอะไรดี เพื่อตอบคำถามนี้ ก็เลยเปิดเว็ปกูเกิ้ลหาที่เรียนต่อดีกว่า แล้วก็เจอไดอารี่ของตั้วที่ไปต้าเหลียนของ AEC โดยบังเอิญ โครงการที่จะไปเรียนจีนก็เลยเกิดขึ้น แต่มันจะมีด้วยเหรอ ไอ้คอร์สจีนสี่เดือนเนี่ย ก็เลยตั้งหน้าตั้งตาหา โทรไปตามเอเจนซี่ต่างๆ แต่สุดท้ายก็มาจบลงที่ AEC เหมือนเดิม เพราะว่าช่วงเวลา 4 เดือนที่มันจำกัดเนี่ยแหละ

 

          ตอนแรกก็กลัวถูกหลอกเหมือนกัน เพราะโทรมาที่ AEC สิ่งแรกที่รู้สึกเลยคือพนักงานพูดเสียงกระด้างมาก (ตอนหลังก็รู้แล้วมาเป็นแค่เสียงเฉยๆ แต่ตัวจริงตรงข้าม) แต่ก็คาดว่าตัวเองคงดวงดีไม่น่าถูกหลอก ก็เลยใจง่ายโอนเงินให้กับทาง AEC ไป ผลออกมาก็คือ ทาง AEC บริการดีมากๆ ทุกอย่างเสร็จสรรพหมดเลย ตั้งแต่ติดต่อทางมหาลัย ขอใบตอบรับ  ทำวีซ่า (ของผมจะติดปัญหาทำวีซ่าไปก่อนแล้ว แล้วมาทำพาสปอร์ตเล่มใหม่เพราะว่าจะไปที่อื่นต่อ หมายเลขเลยไม่ตรงกัน แต่พี่ AEC เค้าช่วยแก้ให้ทุกอย่าง ทั้งๆที่เวลาเหลือน้อยมากๆ) จองตั๋วเครื่องบิน โดยมีการติดต่อมาเป็นระยะๆ ส่วนเรื่องแลกเงินก็เดินไปแลกเองเพราะมั่นใจว่าได้เรทที่ถูกกว่า

 

          หลังจากนั้นไม่กี่วันก็ไปงานปฐมนิเทศที่ทาง AEC จัดขึ้น สิ่งที่เป็นปัญหาคาใจมากๆก็คือสี่เดือนไปแล้วจะเสียเวลาเหลือเปล่า แต่จากประสบการณ์เพื่อนๆที่ไปเรียนกันก่อนหน้านี้แล้วที่ถูกเล่า ณ งานวันนั้นทำให้มั่นใจได้ว่าแล้ว มันต้องได้อะไรกลับมามั่งแน่ๆ แต่สภาพเพื่อนๆที่จะไปต้าเหลียนด้วยกัน ดูไม่ได้เลย เพราะแต่ละคนก็เงียบๆ ส่วนไอ้ที่ถามก็ถามไม่หยุดปาก ถามเสร็จก็เดินกลับบ้านไปเลย ส่วนคนที่มาสายสุดจนงานเลิกไปแล้ว ก็ดูเป็นมิตรด้วยคำทักทายแรกที่ว่า “มีใครจะแลกเงินจีนมั่งๆๆ แลกเงินหรือยัง มาแลกกับพี่ได้นะ” T__T..  

 

          แล้ววันแรกของการเดินทางก็เริ่มขึ้น ด้วยการไปตกเครื่องบินที่เซี่ยงไฮ้   แล้วความสัมพันธ์อันดีก็เริ่มขึ้น ณ ตอนที่ได้ร่วมกันแก้ปัญหานั่นแหละ  ได้พูดได้จากันมากขึ้น สุดท้ายมีเวลาหลายชั่วโมงก่อนเครื่องถัดไปจะขึ้นก็เลยตกลงไปหอไข่มุกสัญลักษณ์ประจำเซี่ยงไฮ้กันซะเลย แต่ขากลับก็เสี่ยงตกเครื่องกันอีกรอบหน่อย แล้วสุดท้ายไม่ว่าจะด้วยแท้กซี่ หรือ รถบัสสนามบินก็พาทุกคนมาขึ้นเครื่องทัน แล้วก็ได้มาเจอพี่ๆ ที่ทาง AEC เตรียมไว้ให้ที่สนามบินต้าเหลียน แล้วก็นำพา เจ็ดชีวิตไปถึงที่พักของทางมหาวิทยาลัยจนได้ วันต่อมาพี่ๆของ AEC ก็พาไปเลี้ยงข้าว ทำบัตรรถเมล์ ซื้อซิมการ์ด ทัวร์ชมเมือง

 

          สิ่งแรกที่ผิดหวังเกี่ยวกับหอพักก็คือได้จับคู่กับคนไทย เนื่องจากตกเครื่องเค้าก็เลยจับคู่กันไปหมดแล้ว ในใจคิดว่ายังไงต้องย้ายไปอยู่กับคนชาติอื่นให้ได้ เพราะยังไงก็มาถึงที่นี่แล้ว กลัวได้แต่ภาษาไทยไม่ได้ภาษาจีนกลับไป หนึ่งเดือนผ่านไป พี่ทาง AEC ก็ช่วยตามเรื่องให้จนได้เปลี่ยนห้องสมใจอยาก หน้าเมทใหม่มันก็ดูจีนๆดี มันน่าจะเก่งภาษาจีนดี

 

          ห้ามกินอาหาร ห้ามสูบบุหรี่ ห้ามกินเหล้า ทำความสะอาดอาทิตย์ละครั้ง เป็นสิ่งแรกที่เมดใหม่ยื่นข้อตกลงมา แต่เมดใหม่ลืมบอกไปว่า “เฉพาะคุณนะ ส่วนผมจะสั่งอาหารมากินในห้อง สูบบุหรี่ และกินเหล้าตามใจผม” และไม่รวมความสกปรก เสลดล้านปี ณ อ่างล้างหน้าที่แช่น้ำร้อนกว่าสองชั่วโมงกว่าจะหลุดออก และอื่นๆที่เผยแพร่ทางเว็ปไม่ได้ สุดท้ายก็เลยขออาจารย์ที่นั้นย้าย อาจารย์ที่นั่นก็อิดออด ด้วยเหตุผลไม่อยากให้คนชาติ (ชาติของเมท) เดียวกันอยู่ด้วยกัน (แล้วไหงให้เราอยู่กับคนไทยตั้งเกือบเดือน) สุดท้ายก็เลยได้ทางพี่ที่ AEC นี่แหละ พูดให้ สองวันได้เปลี่ยนห้องเลย แม้ว่าอีกสิบวันจะกลับประเทศไทยก็ตาม (ไม่ไหวแล้ว) ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าไม่ได้พี่ที่ AEC ช่วยก็คงต้องอุดจมูกกันต่อไป

 

          แต่ผลลัพธ์ก็ออกมาดีเกินคาด ทำให้รู้ว่าเมทคนไทยเนี่ยแหละ เป็นชาติที่ดูดีที่สุดแล้ว ทั้งในเรื่องความสะอาด ความเกรงใจ ความเป็นระเบียบในการดำเนินชีวิต   ส่วนผลอื่นๆที่ตามมาก็คือความสามารถในการใช้ภาษาจีน หลังจากที่พฤติกรรมของเมดทำให้เราต้องพูดกันมากขึ้น ใกล้ชิดกันมากขึ้น โดยใช้ภาษาจีนกันเป็นสื่อกลางเนี่ยแหละ มันทำให้ภาษาพัฒนาไปได้รวดเร็วมากๆ ตอนแรกๆที่มาพูดอะไรไปยามประจำหอก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลย พอช่วงเวลาก่อนจะกลับจากจีน เรียกได้ว่าคุยจนส่งยามเข้านอนเลยแหละ

 

          พูดถึงยามประจำหอ ก็ประทับใจมากๆ เพราะนอกช่วงเวลาเรียน หรือเหงาๆ ก็มาคุยกับยามเนี่ยแหละ อยู่ประจำที่ และหาตัวได้ง่ายที่สุดแล้ว (ยามที่นี่ต้องการคนคุยเป็นเพื่อนมากๆ เพราะว่าต้องนั่งตั้งแต่เช้าจดเช้า) พอเลิกงานจากยามก็กลายเป็นคนปกติ เป็นเพื่อนเราเที่ยวได้อีกต่างหาก

 

          เมืองต้าเหลียนถือว่าเป็นเมืองที่ดีมากๆ คนจีนไม่ปากจัด เรียกได้ว่าอยู่มาสี่เดือนไม่เคยถูกคนจีนด่า คนขายของก็ใจดี ปากหวาน ราคาก็ถูกมากๆ จนเพื่อนๆที่มาเรียนด้วยกันต้องซื้อกระเป๋าเพิ่มขึ้นอีกใบสองใบ บางคนต้องส่งของทางเรือไปเลยก็มี สินค้าส่วนใหญ่ที่เรียกได้ว่าโดดเด่นเทียบกับเมืองอื่นๆที่เคยไปมา ก็คือบูท กระทั่งรองเท้าเด็กก็ยังเป็นบูท ปักเลื่อมดูดีมากๆ ราคาก็ไม่แพง  เสื้อหนาวที่นี่ก็ถูกมากๆ  ขนเป็ดอย่างดี มีฮูท มีขนมิ้งค์ไม่เกินสองพัน ถุงมือที่ขายกันที่ประเทศไทยสองสามร้อย ที่นี่ขายคู่ละสามสิบ แบบให้เลือกเยอะกว่าอีกต่างหาก ที่ปิดหู สินค้าอาโนเนะทั้งหลาย เยอะมากๆ สถานที่ซื้อเสื้อผ้า รวมถึงพวกของงานฝีมือจากจีน พวกที่แขวนผนัง โถชา งานดินเผา ของตั้งโชว์ แล้วก็พวกของที่ระลึกที่จีนผลิตแล้วส่งไปประเทศต่างๆ ที่ไปเดินแล้วถูกใจมากๆ ก็คือตึกหลังสถานีรถไฟ พ่อค้าแม่ค้าใจเย็นมากๆ ชวนคุยฝึกภาษาได้อีกตะหาก เรียกได้ว่าไปเดินเที่ยวทีไร ก็ได้ศัพท์ใหม่ๆกลับมาทุกที

 

          การเดินทางก็สะดวกสบาย รถเมล์มีมหาวิทยาลัยเป็นต้นสาย และมีหลายสายให้เลือกนั่ง แท็กซี่ก็ราคาถูกกว่าบ้านเราหน่อยนึง  รถไฟ รถไฟฟ้า รถรางก็มีครบทุกอย่าง ร้านค้าแถวมหาวิทยาลัยมีข้าวของให้เลือกซื้อทุกอย่าง ตั้งแต่อาหาร เสื้อผ้า ดีวีดี อุปกรณ์คอมพิวเตอร์(ราคาถูกมากๆๆๆๆๆ >_< แต่คุณภาพก็ต้องดูกันเองเองนะครับ) สบู่ แชมพู ครีม ขนมเบเกอรี่ แพะปิ้ง บุหรี่ เหล้า ตอนดึกๆก็มีตลาดนัดแบกะดิน 

 

          สำหรับคนที่ชอบถ่ายรูป ก็เตรียมกล้องกันได้เลย แม้ว่าจะไม่ใช่เมืองใหญ่ๆอย่างปักกิ่ง หรือเซี่ยงไฮ้ แต่ก็มีแสงสีเยอะมากๆ เทศกาลต่างๆทยอยจัดกันอย่างต่อเนื่อง ห้างสรรพสินค้าสร้างไว้ใหญ่โต (แม้จะไม่มีคน) ร้านค้าใต้ดินที่เดินวันเดียวไม่หมด (และอาจจะหลงทางกันไปซะก่อน) สถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติก็ไม่น้อยหน้า ใบไม้เปลี่ยนสีที แดงเหลือง เลือกต้นไม้ถ่ายรูปกันไม่ถูก แถวมหาลัยก็ยังมีเขาให้ปีนเล่นสองสามลูกหลังเลิกเรียน

 

          อาหารการกินสำหรับคนที่เน้นปริมาณบอกได้เลยว่ากลับไปอ้วนชัวร์ๆ ข้าวจานนึงสิบห้าบาทกินได้สองคนอิ่มๆ แต่คนที่เน้นเรื่องรสชาติก็ต้องหาร้านประจำกันเอาเอง ร้านอาหารมีทั้งนอกและในมหาลัย ส่วนใหญ่เป็นร้านไม่ใหญ่มาก แต่มีหลายร้านให้เลือกทาน ประมาณสองเดือนก็จะรู้ว่ารสชาติมันก็คล้ายๆกัน แล้วก็จะจบลงด้วยร้านเกี้ยวแถวๆหอเพราะว่าใกล้ดี  แต่บอกได้เลยว่าร้านอาหารที่นี่ราคาไม่แพง แพงที่สุด(ที่ได้ลองมา) ปริมาณก็ยังเยอะกว่าประเทศไทย   

 

          เพื่อนคนจีนหาได้ง่ายมากๆ เนื่องจากที่นี่มีจัด English Conner ทุกวันเสาร์ ก็เดินเข้าไปคุยเลย  ไม่ก็ไปหาเอาตามสนามกีฬาจะมีเด็กมานั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบกันเยอะมากๆ ก็ไปทำความรู้จักกันแถวๆนั้น ( วิธีหลังคนอื่นบอกมา แต่ก็ไม่กล้าทำ เพราะใจไม่กล้าพอ) ส่วนเพื่อนชาติอื่นๆ มีมากมายหลายภาษาให้เลือกทำความรู้จักตั้งแต่อังกฤษ รัสเซีย เกาหลี ญี่ปุ่น ซิมบับเว้ อิตาลี และมองโกลเลีย

 

          กลุ่มเพื่อนดูไม่ได้ที่ได้มาด้วยกัน ก็ถือได้ว่าสร้างชื่อให้คนไทยมากๆ ร่วมประกวด กิจกรรมกับทางมหาวิทยาลัยกันทุกงาน แข่งพูด ร้องเพลง เต้นรำ รวมทั้งได้ออกรายการกับสถานีโทรทัศน์ในต้าเหลียนด้วย โดยที่การเรียนไม่เสียอีกตะหาก(ชื่อคนไทยจะอยู่อันดับบนๆเสมอ)

 

          จริงๆก็มีเรื่องอยากจะเขียนมากมาย แต่ด้วยเหตุการณ์ และบุคคลที่พบมันมากมายกว่าที่จะอธิบายเป็นข้อความสองสามหน้ากระดาษ  ทุกๆครั้งที่นึกย้อนกลับไปก็ทำให้ยิ้มได้ทุกที และที่สำคัญที่สุดพบว่าภาษาจีนของตัวเองพัฒนาไปได้รวดเร็วมากๆ จากที่ไม่รู้อะไรเลย จนสามารถคุยกับคนจีน เปรียบเทียบกับคนที่จบมาโดยตรง เราจะได้เปรียบในเรื่องของความไว ความคล่อง และความมั่นใจในการสื่อสารมากๆ เรียกได้ว่าเป็นสี่เดือนที่ได้ความรู้ ทั้งเพื่อน แล้วก็ประสบการณ์ดีๆมากมายจริงๆ

 

 




ประสบการณ์จากเพื่อน

:: ประสบการณ์จากเพื่อน :: article
จดหมายจากกว่างโจว..ฮา
จดหมายจากน้องมีน
น้องอูน จากมหานครกวางโจว Huananli Daxue
:: ประสบการณ์ในเมืองปักกิ่ง 2 :: article
:: ประสบการณ์จากไต้หวัน :: article
:: เรื่องเล่าจากเทียนจิน :: article
:: ประสบการณ์ในเมืองปักกิ่ง :: article
:: ประสบการณ์ในต้าเหลียน :: article