ReadyPlanet.com
dot
ค้นหาบทความ

dot
bulletระดับมัธยม
bulletBeijing Jiaotong University
dot
มหาวิทยาลัยในไต้หวัน
dot
dot
เมืองไทเป
dot
bulletNational Zhengzhi University
bulletNational Taiwan Normal University
bulletNational Taiwan Normal University
dot
เมืองไถจง
dot
bulletFengchia University
dot
ประวัติศาสตร์จีนน่ารู้
dot
bulletราชวงศ์ต่าง ๆ ฯ
bulletการเริ่มต้นการปกครองของชนเผ่าหฺวาซย่า
bulletระบบศักดินาในราชวงศ์โจวและศึกแย่งชิงอำนาจของเหล่าเจ้านครรัฐ
bulletมหาอาณาจักรฉิน : การก่อตัวและการล่มสลาย
bulletการขยายแสนยานุภาพของอาณาจักรฮั่นตะวันตก
bulletราชวงศ์ฮั่นตะวันออก : พระญาติวงศ์และขันทีครองเมือง
dot
ข่าวสาร Update
dot
bulletสถานศึกษาในประเทศจีนที่ ก.พ.รับรอง
dot
กวีนิพนธ์จีน
dot
bulletความหมายแห่งกวีนิพนธ์จีน
bulletห้วงคำนึงยามดึก หลี่ไป๋
bulletเจวี๋ยจวี้ ตู้ฝู่
bulletถอนต้นกล้า หลี่เซิน
dot
Neighbor's Links
dot
bulletสถานีวิทยุ ซีอาร์ไอ ปักกิ่ง ภาคภาษาไทย
bulletเรียนภาษาจีนออนไลน์
bulletข่าวสารและรอบรู้เมืองจีน
bulletประเทศจีน
bulletแผนที่แสดงมหาวิทยาลัยในเมืองจีน
bulletแผนที่เมืองจีนภาคภาษาไทย
bulletแผนที่และข้อมูลมณฑลกวางตุ้ง
bulletตรวจสอบสภาพอากาศเมืองจีน
dot
Newsletter : ติดต่อรับข่าวสาร

dot
bulletZhejiang university
bulletมหาวิทยาลัยที่แพทยสภาไทยให้การรับรอง
bulletขอแนะนำแผนกภาษาจีน มหาวิทยาลัย BLCU
bulletมหาวิทยาลัย
bulletนิทานสุภาษิตจีน
bulletsummer camp China Youth University for Political Sciences
bulletx2




:: ประสบการณ์ในเมืองปักกิ่ง :: article

 

คนที่เคยไปปักกิ่งมาแล้ว เคยไปใช้ชีวิตอยู่ยาวๆอาจจะมีความรู้สึกแบบเดียวกันเมื่อได้จากปักกิ่งมาแล้ว ถามว่าทำไมถึงคิด ก็ตอบไม่ถูกเหมือนกัน แต่ว่าเมืองปักกิ่งเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ในหลายๆอย่าง  มีสถาปัตยกรรมที่ยังคงอนุรักษ์ไว้ได้เป็นพันๆปี เช่น กู้กง หรือพระราชวังต้องห้าม เทียนฐันหรือหอบูชาฟ้าของฮ่องเต้ วัดลามะก็น่าสนใจ เพราะมีพระศรีอาริย์ที่สลักด้วยไม้จันทน์หอมทั้งต้นสูงประมาณ ยี่สิบกว่าเมตร ไปเห็นแล้วตะลึงเลยว่าเค้าทำได้ยังไง สุสานฮ่องเต้ราชวงศ์หมิงที่อยู่ลึกลงไปใต้ดินประมาณตึก  7 ชั้น โฮะ! คนสมัยก่อนช่างมีความสามารถเหลือเกินที่ขุดดินลงไปแล้วสร้างห้องหับที่ทำด้วยหินแกรนิตที่แข็งมากๆ ขนาดเครื่องมือสมัยนี้ยังเจาะเข้าไปยากมาก กำแพงเมืองจีนที่ยาวถึง6000 กว่ากิโลเมตร ขนาดเราเดินบนกำแพงยังยาก เพราะมีบางช่วงชันมาก แล้วสมัยก่อนไม่มีเครื่องมือที่ทันสมัยเลยแรงงานคนล้วนๆแต่สร้างได้จนทำให้คนทั้งโลกตะลึง นี่แหละความพยายามของมนุษย์ ที่ชอบอีกก็คือมีบ้านของขุนนางในสมัยก่อนที่ยังอนุรักษ์ไว้อย่างดีจนมาถึงบัดนี้แล้วนำมาทำเป็นพิพิธภัณฑ์ให้คนได้เข้าไปดูแนวความคิดความเชื่อของคนสมัยก่อนที่แสดงออกมาเป็นสิ่งปลูกสร้าง ชื่อสถานที่ว่า “ต้ากงกวนหยวน” ท่านลองเข้าไปดูซิแต่ต้องมีไกด์นะเพราะในนั้นต้องคนที่รู้เรื่องราวจึงจะสนุกสนานกับการดู ถ้าไม่มีใครเล่าเรื่องราวของบ้านขุนนางนี้ให้ฟังก็ธรรมดาเป็นบ้านขุนนางแบบในหนังจีนเท่านั้น พอดีได้ไปกับอาจารย์ อาจารย์เลยอธิบายให้ฟังชอบมากเลย

ราชบัลลังก์ฮ่องเต้

 พูดถึงคนปักกิ่งคนปักกิ่งเป็นมิตรนะคะ มีน้ำใจด้วย เคยถามทางเค้าหลายครั้งก็ได้การช่วยเหลืออย่างดีขนาดว่าถามเค้า เค้าตอบไม่ได้ เค้าก็พยายามที่จะถามคนอื่นให้เรา หรือเคยเจอที่ว่าพาเราไปถึงที่เลย เคยครั้งหนึ่งไปซื้อของที่ห้างที่เค้าขายเกี่ยวกับอุปกรณ์คอม ซื้อแค่10 หยวนแต่ให้เงินไป 100 หยวนแล้วเดินออกเลยลืมเอาเงินทอน กลับไปอีกทีหลังจากนั้นสามวันเค้ายังจำเราได้แล้วรีบเอาเงินทอนให้เรา แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเจอดีๆแบบนี้ไปทุกคนรึเปล่านะคะ เพราะคนที่ร้ายกาจก็มีคะ เช่นแคชเชี่ยร์ของห้างเวลาทอนเงินชอบโยเงินให้ยังกะให้ขอทาน เพื่อนๆเกาหลียังเอามาวิจารณ์ให้ห้องเรียน หรือคนขายของให้พิพิธภัณฑ์ตามสถานที่ราชการจะดุ "ไม่ซื้อก็อย่ามาดูอะไรประมาณนี้ " เจอบ่ยอๆ คนขายของทะเลาะด่าคนซื้อ จีนเค้าจะคิดว่าผู้หญิงไทยสวยเคยไปคุยกับเค้าเค้าจะถามเราว่าเป็นคนชาติไหน พอบอกว่าคนไทยเค้าก็ว่า “ถึงว่าทำไมสวย”( หุหุ เค้าชมเรารึเปล่าหว่า?) แล้วคนจีนที่เคยมาเมืองไทยก็จะพูดกันปากต่อปากว่าสาวไทยสวย คนจีนจะรู้จักกระเทยไทย ว่ากระเทยไทยสวย แล้วก็พัทยาน่าเที่ยว รู้แค่เนี้ย พวกเพื่อนๆชาติอื่นก็รู้จักบ้านเราแค่พัทยาเอง แสดงว่าททท.ยังโปรโมทการท่องเที่ยวไม่ดี

 

                                                                                         หอบูชาฟ้าของฮ่องเต้

อากาศปักกิ่งหนาวและแห้งมาก เค้าเรียกว่า “กันเจ้า” คือมันแห้งจนผิวแตกไปหมด ทาครีมยังไงก็เอาไม่อยู่ ผิวคันไปหมด ต้องตื่นมาเกาอย่างเมามันตอนตีหนึ่งตีสองทุกที เลยต้องไปหาซื้อครีมของจีนมาทาแต่ก็ปรากฏว่าไปได้กลีเซอรีนมา โอ! ยอดมากเลย ถ้าไม่ได้เจ้ากลีเซอรีน เดี๊ยนหนังกรอบตายคาปักกิ่งแน่ แต่เค้ามีขายเฉพาะช่วงหน้าหนาวเท่านั้น ตอนที่ไปปักกิ่งช่วงเดือน ก.พ. ทัศนียภาพเหี่ยวเฉามากเลย เพราะต้นไม้ใบหญ้าพากันแห้งตายหมด ต้นไม้ก็เหลือแต่กิ่ง ยิ่งตามตึกมีพวกซากไม้เลื้อยที่มันแห้งตาย โอย!ดูแล้วอย่างกับบ้านเรือนร้างไม่ชอบเลย แต่พอเริ่มเข้าฤดูใบไม้ผลิเท่านั้น โอ้โฮ พรึบเดียวแย่งกันแตกกิ่งแตกใบในเวลาอันรวดเร็ว อากาศก็เริ่มสบายขึ้นเย็นนิดหน่อย  ต้นไม้ใบหญ้าแย่งกันแตกใบออกดอก อย่างกับว่าจะกลัวไม่ทันเวลาแสดงความสวยงามของมัน ชอบฤดูใบไม้ผลิมาก เราไม่เคยเจอแบบนี้ในเมืองไทย ดอกไม้ที่เค้าปลูกไว้ตามทางออกดอกสวยมาก ไม่ทราบว่าดอกอะไร แต่ปักกิ่งเสียตรงที่มีพายุทราย มีลมทรายช่วงเมษา พฤษภา

ซุ้มประตูเมืองปักกิ่งที่ยังคงอยู่

 

ถามเรื่องการเรียนภาษาจีนเป็นอย่างไรบรรยากาศในการเรียนเป็นยังไง บอกเลยว่า Happy และสนุกสนานในการเรียนมาก เพราะเพื่อนๆให้ห้องมี 15-16 คน บางทีก็เกินกว่านั้น เพราะจะมีเพื่อนในชั้นอื่นย้ายมาลองเรียน เรียนไม่ได้ก็ย้ายไปหลายคน แต่ที่อยู่ๆกันก็สนิทกันดี มีคนเกาหลี ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย แต่ละคนขยันๆทั้งนั้น อาจารย์สอนอะไรพวกเราก็จะมีคำถาม อาจารย์ก็มีเรื่องมาเล่าตอบเรามากมาย ขนาดมีอาจารย์ท่านหนึ่งบอกว่าสอนห้องนี้สนุกไม่มีความรู้สึกเลยว่าเบื่อหรือว่าอยากให้เลิกเรียนเร็วๆ วันหนึ่งก็จะเรียน 2วิชาช่วงเช้า ช่วงบ่ายก็จะเรียนพวกกิจกรรมเช่นพู่กันจีน ไท้เก๊ก วัฒนธรรมจีน หลักสูตรภาษาจีนที่ใช้สอนก็เป็นของ ม.ปักกิ่ง กับมหาลัยภาษาและวัฒนธรรมปักกิ่ง(BLCU) ชอบหลักสูตรของ BLCU เพราเค้านำเรื่องที่เป็นวัฒนธรรมของคนจีนสมัยก่อนมาให้เราเรียน เช่นการรับแขก การเคารพผู้ใหญ่ การตั้งชื่อ ความเชื่อตามเทศกาล แนวความคิดของคนจีน คือให้เราเรียนในวิชาฟัง (ทิงลี่) ฟังแล้วตอบคำถามซึ่งเราก็ได้รู้วัฒนธรรมเค้าไปด้วย ที่พูดว่าเป็นของสมัยก่อน เพราะคนสมัยนี้ไม่ค่อยปฏิบัติกันตามนี้แล้ว เช่นเทศกาลตรุษจีน เค้าทำอะไรกันมากมากมาย ซึ่งสมัยนี้ในเมืองจีนไม่ได้ทำกันแบบนั้นแล้วมีแต่ตามชนบท หรือคนจีนที่ไปอยู่ที่ประเทศอื่นจะปฏิบัติตามประเพณีมากกว่าคนในประเทศเสียเอง บางทีเนื้อหาของบทเรียนก็เอานิทานตลกขำขันมาให้เราอ่านกัน มันก็เลยเป็นการเรียนที่ไม่น่าเบื่อ แล้วพวกเราก็จะถามคำถามกันบ่อย ตอนแรกที่ไม่คุ้นกันไม่สนิกันก็ไม่ค่อยมีคำถาม แต่ดิฉันถือว่าเราไปเรียนแล้ว เสียเงินแล้วต้องเอาให้คุ้มเลยเป็นคนที่ถามอาจารย์ก่อนโดยไม่กลัวใครจะว่า สุดท้ายเพื่อนๆก็เลยถามกันใหญ่

พูดถึงเพื่อนๆในชั้นมีคนนึงชื่อต้าเหว่ย เป็นหนุ่มอินโด เรียกว่ารูปหล่อพ่อรวย เล่นปิตเนสจนเอวคอดอกล่ำสัน เพิ่งเรียนจบปริญญาตรีจากอเมริกามา มั่นใจในตัวเองสุดๆ เวลามีการแสดงละครซึ่งเป็นการบ้านที่อาจารย์ให้ไป แกก็แสดงเต็มที่Acting สุดยอด เพื่อนในชั้นหนึ่งคนเป็นญี่ปุ่นอายุมากกว่าใครซักสี่สิบได้ เค้ารู้ตัวจีนเยอะมาก แต่เค้าฟังอาจารย์และเพื่อนๆไม่ค่อยรู้เรื่อง พูดเสียงก็ฟังยาก ทุกคนคงทราบดีว่าภาษาญี่ปุ่นเป็นแบบไหน แต่เค้าก็ตั้งใจเรียนมาก ไม่เคยจะขาดเรียนเลย ลืมบอกไปว่าเรามีการเช็คชื่อเข้าเรียนทุกวัน ขนาดป่วย(ปวดท้องโรคกระเพาะ)ยังมานั่งฟุบให้ห้อง อาจารย์บอกให้ไปนอนยังไม่ยอมกลับเลย แต่ชอบกินเบียร์มากๆ(สงสัยจะเป็นโรคกระเพาะเพราะสาเหตุนี้)จะเห็นว่าคนญี่ปุ่นมีความขยันและพยายามมากๆๆ แล้วเค้าก็พัฒนาการพูดได้ไว คนไทยโชคดีที่มีเสียงวรรณยุกต์ 5 เสียงเลยได้เปรียบการออกเสียงไม่ยาก แต่พวกเกาหลีญี่ปุ่นอินโด เค้ามีเพียง เสียงเดียว เวลาเค้าพูดเลยจะเพี้ยนๆ ฟังตลกๆเหมือนคนไทยสุพรรณแบบนั้น แต่คนญี่ปุ่นเค้าก็พัฒนาการออกเสียงได้ไว บางคนเจอแรกๆพูดไม่ได้เลย เรียนไปได้ซักพัก พูดเป็นได้มากขึ้นมากเลย

 

ล่องทะเลสาบคุนหมิงที่พระราชวังฤดูร้อน

 ในห้องมีหนุ่มเกาหลี ขาวตี๋สูงห่อคนนึงไปแอบได้ยินใครพูดมาไม่รู้ว่าวันที่ 13-14 เม.ย. บ้านเราเป็นเทศกาลสงกรานต์ เรากับmate ซึ่งเป็นคนไทยนัดกันไว้แล้วว่า ตอนกลางคืนถ้าเป็นเพื่อนคนไทยมาเรียกอย่าเปิดประตู เพราะจะต้องโดนสาดน้ำแน่ๆ ปรากฏว่าการณ์ไม่เป็นตามนั้น อีตาเฉินปินมาเคาะประตูห้อง ซึ่งเราไม่เอะใจกันเลยว่าตานี่จะมาแกล้ง เค้าเคาะประตูเสร็จ mateเราก็ไปเปิด ตาเฉินปินก็ถามว่า “จั้วเย่จั้วเห่าเลอมา” (การบ้านทำเสร็จรึยัง) พวกเราก็เลยต้อนรับขับสู้ทักทายนึกว่าจะมาถามเรื่องการบ้าน พอเชิญเข้ามาเท่านั้นแหละ เอาน้ำเป็นถังเข้ามาสาดmateที่เปิดประตู  mate เลยวิ่งไปหลบในห้องน้ำ เอาผ้าผ่านคลุมตัว ส่วนตัวเองหาที่ซ่อนไม่ทัน โดนน้ำเป็นขวดเทใส่แล้วก็ได้คำอวยพรสวัสดีปีใหม่ ตอนนั้นที่ปักกิ่งยังหนาวอยู่เลยคะ แถมต้องมานั่งถูห้องที่ตานี่เอามาสาด เพราะฉะนั้นใครไปเรียนช่วงนี้ก็เตรียมตัวถูกแกล้งได้เลยคะ

เพื่อนๆร่วมห้อง

พูดถึงเรื่องการเรียนสถาบันที่เรียนชื่อ Beijing Union University ที่นี่ค่อนข้างจะพยายามกระตุ้นนักเรียนทุกคนให้เข้าเรียนให้ครบ ดังนั้น ในหนึ่งเดือนใครไม่ขาดเรียนเลยก็จะมีชื่อแปะที่บอร์ดชื่นชม และจะได้รางวัลคะ ดังนั้นเราจึงต้องถูกเช็คชื่อเหมือนเด็กๆทุกชั้นเรียน

อาจารย์ที่สอนก็น่ารักมาก บอกว่าเราเหมือนลูกๆของท่านใครมีปัญหาอะไรให้บอก แล้วท่านก็จะเตือนให้เราต้องทานอาหารเช้า บางวันไล่ถามทุกคนว่าทานข้าวมารึยัง แล้วก็จะเตือนให้ทุกคนดื่มน้ำบ่อยๆต้องมีแก้วน้ำติดตัว ดื่มน้ำบ่อยจะได้ไม่ป่วยง่าย ท่านแซ่เจียงคะ เราทุกคนรักท่านมาก ยังมีเรื่องสนุกๆอีกเยอะไว้จะมาเล่าให้ฟังใหม่

 

 

 




ประสบการณ์จากเพื่อน

:: ประสบการณ์จากเพื่อน :: article
จดหมายจากกว่างโจว..ฮา
จดหมายจากน้องมีน
น้องอูน จากมหานครกวางโจว Huananli Daxue
:: ประสบการณ์ในเมืองปักกิ่ง 2 :: article
:: จดหมายจากเพื่อนถึงเพื่อน ... (ต้าเหลียน) :: article
:: ประสบการณ์จากไต้หวัน :: article
:: เรื่องเล่าจากเทียนจิน :: article
:: ประสบการณ์ในต้าเหลียน :: article