ReadyPlanet.com
dot
ค้นหาบทความ

dot
bulletระดับมัธยม
bulletBeijing Jiaotong University
dot
มหาวิทยาลัยในไต้หวัน
dot
dot
เมืองไทเป
dot
bulletNational Zhengzhi University
bulletNational Taiwan Normal University
bulletNational Taiwan Normal University
dot
เมืองไถจง
dot
bulletFengchia University
dot
ประวัติศาสตร์จีนน่ารู้
dot
bulletราชวงศ์ต่าง ๆ ฯ
bulletการเริ่มต้นการปกครองของชนเผ่าหฺวาซย่า
bulletระบบศักดินาในราชวงศ์โจวและศึกแย่งชิงอำนาจของเหล่าเจ้านครรัฐ
bulletมหาอาณาจักรฉิน : การก่อตัวและการล่มสลาย
bulletการขยายแสนยานุภาพของอาณาจักรฮั่นตะวันตก
bulletราชวงศ์ฮั่นตะวันออก : พระญาติวงศ์และขันทีครองเมือง
dot
ข่าวสาร Update
dot
bulletสถานศึกษาในประเทศจีนที่ ก.พ.รับรอง
dot
กวีนิพนธ์จีน
dot
bulletความหมายแห่งกวีนิพนธ์จีน
bulletห้วงคำนึงยามดึก หลี่ไป๋
bulletเจวี๋ยจวี้ ตู้ฝู่
bulletถอนต้นกล้า หลี่เซิน
dot
Neighbor's Links
dot
bulletสถานีวิทยุ ซีอาร์ไอ ปักกิ่ง ภาคภาษาไทย
bulletเรียนภาษาจีนออนไลน์
bulletข่าวสารและรอบรู้เมืองจีน
bulletประเทศจีน
bulletแผนที่แสดงมหาวิทยาลัยในเมืองจีน
bulletแผนที่เมืองจีนภาคภาษาไทย
bulletแผนที่และข้อมูลมณฑลกวางตุ้ง
bulletตรวจสอบสภาพอากาศเมืองจีน
dot
Newsletter : ติดต่อรับข่าวสาร

dot
bulletZhejiang university
bulletมหาวิทยาลัยที่แพทยสภาไทยให้การรับรอง
bulletขอแนะนำแผนกภาษาจีน มหาวิทยาลัย BLCU
bulletมหาวิทยาลัย
bulletนิทานสุภาษิตจีน
bulletsummer camp China Youth University for Political Sciences
bulletx2




:: ประสบการณ์จากไต้หวัน :: article

 

 

 

 

            เฟยมาอยู่ไต้หวันได้ 4 ปีแล้วค่ะ จะต่างจากคนอื่น ๆ หน่อยนึงที่ว่า เฟยมาเรียนหลักสูตรม.ปลายของที่นี่เลย ตอนมาใหม่ๆ ก็รู้สึกกลัว ๆ เหมือนกัน กลัวว่าจะตามเค้าไม่ทัน เพราะว่าโรงเรียนนี้ต้องไปเรียนกับเด็กไต้หวันด้วย แต่ก็ทำไงได้ ก็ทำเรื่องมาเสร็จหมดแล้ว แล้วก็เสียเงินไปแล้วด้วย


            วันแรกที่มาที่นี่ รู้สึกตื่นเต้นมาก เห็นบ้านเมืองเค้าเจริญกว่าบ้านเรา การเดินทางไปไหนมาไหนก็สะดวกมาก มีทั้งรถไฟฟ้า รถไฟ รถเมล์ รถบัส มันก็จะอยู่ที่จุดใหญ่ๆ ชนิดที่ว่ามีหลายช้อยส์ให้เลือก สะดวกจริง ๆ มาได้อาทิตย์แรกรู้สึกชอบไต้หวันมาก ชอบที่จะนั่งรถไฟฟ้าไปเที่ยวตามสถานีต่าง ๆ รถไฟฟ้าที่ไต้หวันจะยาวมาก เพราะฉะนั้น ถ้าไม่ใช่เวลาทำงาน หรือเลิกงาน ไม่ต้องห่วงเลยว่าจะไม่มีที่นั่ง

 

 

 

 
 
 

โรงเรียนที่เฟยไปเรียนต่อม.ปลายก็อยู่ออกมาจากตัวเมืองไทเปนิดหน่อย ชื่อว่า ป่านเฉียว (Ban Qiao) ต่อรถไฟฟ้า แล้วขึ้นรถเมล์อีกประมาณ 5 นาทีก็ถึงโรงเรียน แต่ดีที่ว่าเฟยอยู่หอ แล้วหอก็อยู่ในโรงเรียน เพราะฉะนั้น ไปโรงเรียนก็สะดวกสุดๆ  วินาทีแรกที่ได้เห็นโรงเรียนก็รู้สึกประทับใจมาก โรงเรียนสวย แล้วก็กว้างมาก มันมีอะไรหลาย ๆอย่างที่ต่างจากโรงเรียนในเมืองไทย อย่างโต๊ะเรียน ก็ให้นั่งคนเดียว คงกลัวว่าถ้านั่งติดกันจะเม้าธ์แตก แล้วเวลาครูสอนก็จะใช้ไมโครโฟน แล้วที่ดีที่สุดก็คือ ไม่มีการบ้าน อาจจะมีบ้างแต่ก็ไม่เยอะ แต่ที่แย่สุดๆ ก็คือ การเข้าเรียนตอน 7.30 เพื่อจะสอบเก็บคะแนน อาทิตย์นึงทำแบบนี้ 3 วัน อีกสองวันไปเข้าแถวเคารพธงชาติ ก็นึกว่าจะสบายจริง แต่ก็ได้รู้ว่าที่นี่เค้าแข่งกันเรียนมากจริง ๆ ถึงได้สอบอยู่เรื่อย เด็กม.ปลายไต้หวันส่วนใหญ่พอหลังเลิกเรียนก็จะไปไทเป เพื่อไปเรียนพิเศษต่อถึงห้าทุ่ม แล้วค่อยกลับบ้าน เคยถามเหมือนกันว่าทำไมต้องขยันขนาดนี้ เค้าก็บอกว่าต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยของรัฐให้ได้ เพราะค่าเทอมม.รัฐ กับเอกชนมันแพงกว่ากันหลายเท่า ก็เลยต้องทุ่มเทขนาดนี้ แต่เด็กต่างชาติอย่างเราก็ไม่ได้ไปเรียนกับเค้าหรอก แต่ทางโรงเรียนกลัวว่าเด็กต่างชาติตอนเรียนตอนกลางวันจะเรียนไม่ทันเค้า หรือว่าอาจฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง กลางคืนก็เลยมีอาจารย์ใจดีหลาย ๆ ท่านยอมสละเวลาในตอนกลางคืนมาสอนพวกเรา เนื้อหาเหมือนเดิม แต่จะพูดช้ากว่า แล้วเข้าใจมากขึ้น เพราะว่าตอนกลางวันเนื้อหามันจะต้องตรงตามที่โรงเรียนกำหนดไว้ เพราะฉะนั้นก็ต้องเร่งหน่อย แต่พอเราอยู่ไปได้ซักครึ่งปี ทุกอย่างก็ลงตัวแล้ว ก็ฟังทันแล้วแหละ เพราะว่ามันต้องใช้ทุกวัน ฟังทุกวัน มันก็จะเป็นไปโดยอัตโนมัติ ที่นี่ก็จะเรียนไม่เมืองที่ไทย ก็คือ เข้าเรียน 7.30 เช็คชื่อด้วย คาบแรกนะเนี่ย เลิกเรียนตอน 5 โมงเย็น แต่เฟยก็ต้องไปเรียนตอนกลางคืนต่อถึง 2 ทุ่มโน่นแหละ ที่โรงเรียนก็มีกิจกรรมหลายอย่าง ส่วนใหญ่เค้าจะสนใจวัฒนธรรมไทยมาก เพราะว่านักเรียนไทยมีน้อย ส่วนใหญ่จะเป็นนักเรียนที่มาจากอินโดนีเซีย พม่า แถบอเมริกา ฯลฯ โรงเรียนนี้มีนักเรียนมาจาก 19 ประเทศ แต่ก็เป็นแค่ 30% ของนักเรียนทั้งหมด ที่เหลือก็เป็นนักเรียนไต้หวัน


            แล้ววันหยุดราชการจะน้อยมาก ๆ เพราะเมื่อก่อนที่ไต้หวันจะเรียนจันทร์-เสาร์ และมีวันหยุดราชการ แต่พอหลัง ๆ มา เปลี่ยนระบบเป็นเรียนจันทร์-ศุกร์ ดังนั้น วันหยุดราชการก็ถูกยกเลิกไป แต่เทอมนึงก็หยุดประมาณ 2 ครั้ง ครั้งละ 1 วัน ถ้าตรงกับเสาร์-อาทิตย์ก็ไม่มีหยุดชดเชย ทั้งนี้ทั้งนั้นเป็นเพราะว่าการแข่งขันในเรื่องการเรียน เพราะฉะนั้นถึงไม่หยุดบ่อย ๆ เนื่องจากเกรงว่าจะสอนไม่ทัน แต่พอมีเทศกาลสำคัญอย่างเช่นคริสต์มาส โรงเรียนก็จะมีกิจกรรมต่างๆ โดยที่อาจารย์ใหญ่จะเดินไปแจกของขวัญตามห้อง และพูดคุยกับนักเรียนแต่ละคน อาจารย์ที่ดีก็ใจดีมากๆ โดยเฉพาะกับเด็กต่างชาติ ซึ่งพูดไม่คล่องเท่าไหร่ แต่อาจารย์ก็พยายามฟังและคอยสอน คอยให้คำแนะนำต่าง ๆ
 
 
 
 
 
 

            แต่หลังจากที่เรียนมา 5 วันเต็ม ๆ ก็ได้หยุดเสาร์ – อาทิตย์ซักที ก็เลยถือโอกาสออกไปเที่ยวหน่อยละกัน ที่ไต้หวันจะไม่มีห้างใหญ่ ๆ แบบบ้านเรา ส่วนใหญ่จะเป็นลานกว้าง ๆ แล้วก็มีร้าน หรือไม่ก็เป็นชั้นใต้ดิน เชื่อมกับสถานีรถไฟฟ้า จะสะดวกมาก เพราะพอออกจากรถไฟฟ้าก็ขึ้นไปอีกชั้นนึง ก็จะเป็นทางยาวเลย เดินได้เป็นชั่วโมง เนื่องจากว่าไต้หวันพื้นที่จะน้อย ส่วนใหญ่จะสร้างเป็นตึกสูง ๆ สำหรับห้างใหญ่จะเป็นแต่ของแพง นักเรียนอย่างเรา ๆ ก็ได้แต่เข้าไปดู ไม่ได้ซื้อของ ถ้าจะซื้อของส่วนใหญ่จะเดินตามชั้นใต้ดินแหละค่ะ  ที่ไต้หวันก็มีศูนย์รวมวัยรุ่นอย่าง center point บ้านเราเหมือนกัน ที่ไต้หวันก็คือ ซี เหมิน ติง (Xi Men Ding) วัยรุ่นที่มาเที่ยวไต้หวันก็ต้องมาที่นี่ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวฮ่องกง ซี เหมิน ติง ก็จะเป็นลานกว้าง ๆ มีร้านค้าหลายร้าน มีโรงหนัง มีร้านอาหาร ฯลฯ  แต่ของค่อนข้างแพง


            ส่วนอากาศที่นี่ หน้าหนาวก็จะเริ่มตอนเดือนพฤศจิกายน หนาวไปถึงตรุษจีนโน่นแหละ พอเข้าหน้าหนาวจริง ๆ ฟ้ามืด ๆ ฝนก็ตก ยิ่งหนาวไปใหญ่ หนาวจริง ๆ หนาวมากๆๆๆๆๆ ใส่เสื้อนักเรียน 1 ชั้น เสื้อกั๊ก 1 ชั้น เสื้อหนาวหนา ๆ 1 ตัว แล้วก็ผ้าพันคอกับถุงมือ ยิ่งถ้าตอนมีลมพายุหนาวเข้ามานะ ปกติหน้าหนาวจะอยู่ที่ 12-13 องศา ทีนี้จะลงไปถึง 5-8 องศาเลย ความจริงแล้วจากหอเดินไปถึงโรงเรียนใช้เวลาประมาณ 2 นาที แต่พอหน้าหนาวมาถึงทีไร ไม่อยากออกจากผ้าห่มเลย รู้สึกว่าการเดินไปโรงเรียนเป็นทางที่ยาวแสนยาว แต่ไม่ไปก็ไม่ได้ เพราะว่าต้องเช็คชื่อ ถ้าขาด 1 คาบ ทางโรงเรียนจะทำจดหมายไปแจ้งผู้ปกครอง ก็เลยต้องอดทนเดินไป แล้วก็ไปหลบหนาวในห้อง เพราะในห้องจะอุ่นมากๆ  แต่พอถึงหน้าร้อนทีไร ก็คิดถึงเมืองไทยทุกทีเลย หน้าร้อนที่ไต้หวันร้อนมากๆ อากาศร้อน ในเมืองไทเปก็ไม่ค่อยมีต้นไม้ แดดส่องเต็ม ๆเลย ไม่มีลมอีก แดดจ้ามาก ขนาดอาบน้ำเสร็จแล้วยังเหงื่อแตกเลย แต่ช่วงที่ร้อนสุด ๆ ก็จะอยู่ประมาณ เดือน กรกฎาคม ถึงสิงหาคม ดีที่ตอนนั้นปิดเทอม เราก็กลับบ้านได้  หลบร้อน หลบพายุไต้ฝุ่นด้วย

 

 

 

 

 

           4 ปีผ่านไปสำหรับการเรียนที่นี่ ตอนนี้ก็จบม.ปลายไปด้วยดี ตอนนี้ก็กำลังจะเข้ามหาวิทยาลัยแล้วค่ะ อยู่ไต้หวันมาก็นาน หวนคิดกลับไปถึงตอนแรก ๆ ที่มาที่นี่ พูดไม่ค่อยจะได้ แค่เขียนเป็น แต่เวลาไปซื้อของ ต้องออกไปคนเดียว ก็ต้องบังคับตัวเองพูดให้ได้ บางครั้งก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าจะอธิบายกับเค้าว่ายังไงดี เราจะเอาอะไรก็พูดไม่ค่อยจะเป็น พอหลัง ๆ มา ดูโทรทัศน์ ฟังเพลง ได้รู้จักเพื่อนหลาย ๆ ประเทศ มันก็เลยต้องปรับตัวตามสภาพแวดล้อม ใช้เวลาประมาณครึ่งปีถึงจะเข้ากับที่นี่ได้ หลังจากนั้น ก็ได้มีประสบการณ์หลาย ๆ อย่างจากเพื่อนๆต่างชาติ หรือคนไต้หวัน คนที่นี่ใจดี แล้วก็มีน้ำใจ คอยช่วยเหลือเราต่าง ๆนานา อย่างบางครั้งเรามีปัญหาเรื่องภาษา เค้าก็จะแนะนำให้ ว่าควรทำยังไง ต้องไปทำอะไรที่ไหนบ้าง  4 ปีในต่างแดนที่ผ่านมานี้ รู้สึกสนุกสนานกับการเรียน การเรียนที่ได้ภาษาจากเจ้าของภาษาด้วย ในการใช้ชีวิตในต่างถิ่นต่างวัฒนธรรมด้วย ทำให้ภาษาเราพัฒนาขึ้นเยอะจริง ๆค่ะ

 



ประสบการณ์จากเพื่อน

:: ประสบการณ์จากเพื่อน :: article
จดหมายจากกว่างโจว..ฮา
จดหมายจากน้องมีน
น้องอูน จากมหานครกวางโจว Huananli Daxue
:: ประสบการณ์ในเมืองปักกิ่ง 2 :: article
:: จดหมายจากเพื่อนถึงเพื่อน ... (ต้าเหลียน) :: article
:: เรื่องเล่าจากเทียนจิน :: article
:: ประสบการณ์ในเมืองปักกิ่ง :: article
:: ประสบการณ์ในต้าเหลียน :: article