Asia Education
Center
ศูนย์แนะแนวการศึกษาต่อประเทศจีนและประเทศไต้หวัน
*** เรียนภาษาจีน อยากเป็นเร็ว และหางานง่ายต้องเรียนกับเจ้าของภาษา***
ได้เปิดมุมมองใหม่ๆ สนุกสนานกับการเรียนภาษาและวัฒนธรรมจีน
การท่องเที่ยวและกิจกรรมดีๆมากมาย กับเพื่อนใหม่ชาวต่างชาติ
เรายินดีให้คำปรึกษาการศึกษาต่อประเทศไต้หวันและจีน โดยไม่คิดค่าบริการ
ติดต่อเราซิคะ
087-7977981 หรือ
มือถือ 081-8493601
![]() |
:: ประสบการณ์จากไต้หวัน :: ![]()
เฟยมาอยู่ไต้หวันได้ 4 ปีแล้วค่ะ จะต่างจากคนอื่น ๆ หน่อยนึงที่ว่า เฟยมาเรียนหลักสูตรม.ปลายของที่นี่เลย ตอนมาใหม่ๆ ก็รู้สึกกลัว ๆ เหมือนกัน กลัวว่าจะตามเค้าไม่ทัน เพราะว่าโรงเรียนนี้ต้องไปเรียนกับเด็กไต้หวันด้วย แต่ก็ทำไงได้ ก็ทำเรื่องมาเสร็จหมดแล้ว แล้วก็เสียเงินไปแล้วด้วย วันแรกที่มาที่นี่ รู้สึกตื่นเต้นมาก เห็นบ้านเมืองเค้าเจริญกว่าบ้านเรา การเดินทางไปไหนมาไหนก็สะดวกมาก มีทั้งรถไฟฟ้า รถไฟ รถเมล์ รถบัส มันก็จะอยู่ที่จุดใหญ่ๆ ชนิดที่ว่ามีหลายช้อยส์ให้เลือก สะดวกจริง ๆ มาได้อาทิตย์แรกรู้สึกชอบไต้หวันมาก ชอบที่จะนั่งรถไฟฟ้าไปเที่ยวตามสถานีต่าง ๆ รถไฟฟ้าที่ไต้หวันจะยาวมาก เพราะฉะนั้น ถ้าไม่ใช่เวลาทำงาน หรือเลิกงาน ไม่ต้องห่วงเลยว่าจะไม่มีที่นั่ง
โรงเรียนที่เฟยไปเรียนต่อม.ปลายก็อยู่ออกมาจากตัวเมืองไทเปนิดหน่อย ชื่อว่า ป่านเฉียว (Ban Qiao) ต่อรถไฟฟ้า แล้วขึ้นรถเมล์อีกประมาณ 5 นาทีก็ถึงโรงเรียน แต่ดีที่ว่าเฟยอยู่หอ แล้วหอก็อยู่ในโรงเรียน เพราะฉะนั้น ไปโรงเรียนก็สะดวกสุดๆ วินาทีแรกที่ได้เห็นโรงเรียนก็รู้สึกประทับใจมาก โรงเรียนสวย แล้วก็กว้างมาก มันมีอะไรหลาย ๆอย่างที่ต่างจากโรงเรียนในเมืองไทย อย่างโต๊ะเรียน ก็ให้นั่งคนเดียว คงกลัวว่าถ้านั่งติดกันจะเม้าธ์แตก แล้วเวลาครูสอนก็จะใช้ไมโครโฟน แล้วที่ดีที่สุดก็คือ ไม่มีการบ้าน อาจจะมีบ้างแต่ก็ไม่เยอะ แต่ที่แย่สุดๆ ก็คือ การเข้าเรียนตอน 7.30 เพื่อจะสอบเก็บคะแนน อาทิตย์นึงทำแบบนี้ 3 วัน อีกสองวันไปเข้าแถวเคารพธงชาติ ก็นึกว่าจะสบายจริง แต่ก็ได้รู้ว่าที่นี่เค้าแข่งกันเรียนมากจริง ๆ ถึงได้สอบอยู่เรื่อย เด็กม.ปลายไต้หวันส่วนใหญ่พอหลังเลิกเรียนก็จะไปไทเป เพื่อไปเรียนพิเศษต่อถึงห้าทุ่ม แล้วค่อยกลับบ้าน เคยถามเหมือนกันว่าทำไมต้องขยันขนาดนี้ เค้าก็บอกว่าต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยของรัฐให้ได้ เพราะค่าเทอมม.รัฐ กับเอกชนมันแพงกว่ากันหลายเท่า ก็เลยต้องทุ่มเทขนาดนี้ แต่เด็กต่างชาติอย่างเราก็ไม่ได้ไปเรียนกับเค้าหรอก แต่ทางโรงเรียนกลัวว่าเด็กต่างชาติตอนเรียนตอนกลางวันจะเรียนไม่ทันเค้า หรือว่าอาจฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง กลางคืนก็เลยมีอาจารย์ใจดีหลาย ๆ ท่านยอมสละเวลาในตอนกลางคืนมาสอนพวกเรา เนื้อหาเหมือนเดิม แต่จะพูดช้ากว่า แล้วเข้าใจมากขึ้น เพราะว่าตอนกลางวันเนื้อหามันจะต้องตรงตามที่โรงเรียนกำหนดไว้ เพราะฉะนั้นก็ต้องเร่งหน่อย แต่พอเราอยู่ไปได้ซักครึ่งปี ทุกอย่างก็ลงตัวแล้ว ก็ฟังทันแล้วแหละ เพราะว่ามันต้องใช้ทุกวัน ฟังทุกวัน มันก็จะเป็นไปโดยอัตโนมัติ ที่นี่ก็จะเรียนไม่เมืองที่ไทย ก็คือ เข้าเรียน 7.30 เช็คชื่อด้วย คาบแรกนะเนี่ย เลิกเรียนตอน 5 โมงเย็น แต่เฟยก็ต้องไปเรียนตอนกลางคืนต่อถึง 2 ทุ่มโน่นแหละ ที่โรงเรียนก็มีกิจกรรมหลายอย่าง ส่วนใหญ่เค้าจะสนใจวัฒนธรรมไทยมาก เพราะว่านักเรียนไทยมีน้อย ส่วนใหญ่จะเป็นนักเรียนที่มาจากอินโดนีเซีย พม่า แถบอเมริกา ฯลฯ โรงเรียนนี้มีนักเรียนมาจาก 19 ประเทศ แต่ก็เป็นแค่ 30% ของนักเรียนทั้งหมด ที่เหลือก็เป็นนักเรียนไต้หวัน แต่หลังจากที่เรียนมา 5 วันเต็ม ๆ ก็ได้หยุดเสาร์ อาทิตย์ซักที ก็เลยถือโอกาสออกไปเที่ยวหน่อยละกัน ที่ไต้หวันจะไม่มีห้างใหญ่ ๆ แบบบ้านเรา ส่วนใหญ่จะเป็นลานกว้าง ๆ แล้วก็มีร้าน หรือไม่ก็เป็นชั้นใต้ดิน เชื่อมกับสถานีรถไฟฟ้า จะสะดวกมาก เพราะพอออกจากรถไฟฟ้าก็ขึ้นไปอีกชั้นนึง ก็จะเป็นทางยาวเลย เดินได้เป็นชั่วโมง เนื่องจากว่าไต้หวันพื้นที่จะน้อย ส่วนใหญ่จะสร้างเป็นตึกสูง ๆ สำหรับห้างใหญ่จะเป็นแต่ของแพง นักเรียนอย่างเรา ๆ ก็ได้แต่เข้าไปดู ไม่ได้ซื้อของ ถ้าจะซื้อของส่วนใหญ่จะเดินตามชั้นใต้ดินแหละค่ะ ที่ไต้หวันก็มีศูนย์รวมวัยรุ่นอย่าง center point บ้านเราเหมือนกัน ที่ไต้หวันก็คือ ซี เหมิน ติง (Xi Men Ding) วัยรุ่นที่มาเที่ยวไต้หวันก็ต้องมาที่นี่ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวฮ่องกง ซี เหมิน ติง ก็จะเป็นลานกว้าง ๆ มีร้านค้าหลายร้าน มีโรงหนัง มีร้านอาหาร ฯลฯ แต่ของค่อนข้างแพง ส่วนอากาศที่นี่ หน้าหนาวก็จะเริ่มตอนเดือนพฤศจิกายน หนาวไปถึงตรุษจีนโน่นแหละ พอเข้าหน้าหนาวจริง ๆ ฟ้ามืด ๆ ฝนก็ตก ยิ่งหนาวไปใหญ่ หนาวจริง ๆ หนาวมากๆๆๆๆๆ ใส่เสื้อนักเรียน 1 ชั้น เสื้อกั๊ก 1 ชั้น เสื้อหนาวหนา ๆ 1 ตัว แล้วก็ผ้าพันคอกับถุงมือ ยิ่งถ้าตอนมีลมพายุหนาวเข้ามานะ ปกติหน้าหนาวจะอยู่ที่ 12-13 องศา ทีนี้จะลงไปถึง 5-8 องศาเลย ความจริงแล้วจากหอเดินไปถึงโรงเรียนใช้เวลาประมาณ 2 นาที แต่พอหน้าหนาวมาถึงทีไร ไม่อยากออกจากผ้าห่มเลย รู้สึกว่าการเดินไปโรงเรียนเป็นทางที่ยาวแสนยาว แต่ไม่ไปก็ไม่ได้ เพราะว่าต้องเช็คชื่อ ถ้าขาด 1 คาบ ทางโรงเรียนจะทำจดหมายไปแจ้งผู้ปกครอง ก็เลยต้องอดทนเดินไป แล้วก็ไปหลบหนาวในห้อง เพราะในห้องจะอุ่นมากๆ แต่พอถึงหน้าร้อนทีไร ก็คิดถึงเมืองไทยทุกทีเลย หน้าร้อนที่ไต้หวันร้อนมากๆ อากาศร้อน ในเมืองไทเปก็ไม่ค่อยมีต้นไม้ แดดส่องเต็ม ๆเลย ไม่มีลมอีก แดดจ้ามาก ขนาดอาบน้ำเสร็จแล้วยังเหงื่อแตกเลย แต่ช่วงที่ร้อนสุด ๆ ก็จะอยู่ประมาณ เดือน กรกฎาคม ถึงสิงหาคม ดีที่ตอนนั้นปิดเทอม เราก็กลับบ้านได้ หลบร้อน หลบพายุไต้ฝุ่นด้วย
4 ปีผ่านไปสำหรับการเรียนที่นี่ ตอนนี้ก็จบม.ปลายไปด้วยดี ตอนนี้ก็กำลังจะเข้ามหาวิทยาลัยแล้วค่ะ อยู่ไต้หวันมาก็นาน หวนคิดกลับไปถึงตอนแรก ๆ ที่มาที่นี่ พูดไม่ค่อยจะได้ แค่เขียนเป็น แต่เวลาไปซื้อของ ต้องออกไปคนเดียว ก็ต้องบังคับตัวเองพูดให้ได้ บางครั้งก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าจะอธิบายกับเค้าว่ายังไงดี เราจะเอาอะไรก็พูดไม่ค่อยจะเป็น พอหลัง ๆ มา ดูโทรทัศน์ ฟังเพลง ได้รู้จักเพื่อนหลาย ๆ ประเทศ มันก็เลยต้องปรับตัวตามสภาพแวดล้อม ใช้เวลาประมาณครึ่งปีถึงจะเข้ากับที่นี่ได้ หลังจากนั้น ก็ได้มีประสบการณ์หลาย ๆ อย่างจากเพื่อนๆต่างชาติ หรือคนไต้หวัน คนที่นี่ใจดี แล้วก็มีน้ำใจ คอยช่วยเหลือเราต่าง ๆนานา อย่างบางครั้งเรามีปัญหาเรื่องภาษา เค้าก็จะแนะนำให้ ว่าควรทำยังไง ต้องไปทำอะไรที่ไหนบ้าง 4 ปีในต่างแดนที่ผ่านมานี้ รู้สึกสนุกสนานกับการเรียน การเรียนที่ได้ภาษาจากเจ้าของภาษาด้วย ในการใช้ชีวิตในต่างถิ่นต่างวัฒนธรรมด้วย ทำให้ภาษาเราพัฒนาขึ้นเยอะจริง ๆค่ะ |